มหัศจรรย์แห่งการให้อภัย

ใครก็ตามที่เคยมีความรู้สึกผูกใจเจ็บ โกรธ

โมโหคนที่ทำผิดร้ายแรงกับเราถึงขั้นที่

ให้อภัยกันไม่ได้ ไม่ว่าใครจะบอกให้ปล่อยวาง

ให้อภัยอย่างไรก็ไม่สามารถทำใจได้ ต้องเอา

เรื่องให้ถึงที่สุด ต้องฟังเรื่องราวของคุณอี้

แทนคุณ จิตต์อิสระ ที่เป็นข่าวอุบัติเหตุจนเกือบ

เสียลูกชายวัยขวบเศษ ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่าน

มา แล้วเราจะเข้าใจว่าเมื่อปล่อยวางได้ ให้อภัย

ได้ มหัศจรรย์จะเกิดกับชีวิต

ผมติดตามผลงานของคุณอี้ แทนคุณ มาตลอด

ไม่ใช่ในฐานะของนักแสดงวัยรุ่น และ พิธีกร

ชื่อดังหลายๆรายการ แต่ในฐานะของคนหนุ่ม

ที่ทำงานด้านสังคม มีความรู้เรื่องธรรมะ เป็นนัก

ปฏิบัติธรรม จัดรายการเกี่ยวกับธรรมะ

มีความคิดความอ่านเรื่องชีวิตที่น่าฟังและ

น่าชื่นชม

เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาคุณอี้และ

ครอบครัวพร้อมกับเพื่อนเดินทางไปต่างจังหวัด

เพื่อร่วมงานแต่งงานของเพื่อน ระหว่างทางมี

รถมอเตอร์ไซค์กลับรถตัดหน้าในระยะกระชั้น

ชิด จนคุณอี้ไม่สามารถควบคุมรถได้ เกิดการ

เสียหลักชนเข้ากับรถบรรทุกจนได้รับบาดเจ็บ

โดยเฉพาะลูกชายที่มีอาการสาหัส ตามที่เป็น

ข่าวใหญ่ไปแล้ว

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผมได้ฟังรายการวิทยุที่

คุณอี้ร่วมจัด เป็นการกลับมาจัดรายการครั้งแรก

หลังจากเกิดเหตุการณ์ซึ่งทำให้คุณอี้หมดแรง

และกำลังใจในการทำงาน คุณอี้เล่าให้ฟังว่า

ถึงแม้จะศึกษาและปฏิบัติธรรมมามากแต่เมื่ออยู่

ในสถานการณ์นั้น ก็ไม่สามารถควบคุมสติได้

จึงปรากฏในข่าวเรื่องการทะเลาะวิวาทกับ

คู่กรณี และจะเอาเรื่องถึงที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่าน

ไป คุณอี้เรียกสติกลับคืนมา ปล่อยวางกับ

เหตุการณ์ และให้อภัยคู่กรณีได้

คุณอี้แบ่งปันว่าในวินาทีที่ตนเองตัดสินใจ

ให้อภัย ความรู้สึกโล่ง เบาสบายก็เกิดขึ้น

ความรู้สึกหนักอึ้ง เคียดแค้นหายไปทันที

หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็คลี่คลายลง อาการ

ของลูกชายที่เดิมสาหัส สมองและอวัยวะ

ภายในกระทบกระเทือน ก็ดีวันดีคืน

ในวันที่เจรจาคดี คุณอี้ยังให้เบอร์โทรศัพท์และ

บอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็โทรมาได้ และทุก

วันนี้คู่กรณีก็ได้โทรศัพท์มาถามถึงความ

คืบหน้าของอาการ ซึ่งคุณอี้ก็พูดคุยด้วย

ตามปกติ

ผมคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องความ

มหัศจรรย์ของการให้อภัย เมื่อไหร่ที่เรา

ปล่อยวาง เมื่อยามที่เรามีเมตตา และ

ให้อภัย เรื่องมหัศจรรย์ก็จะเกิดขึ้นได้

การกระทำของคนคนหนึ่งอาจจะสร้าง

ผลกระทบกับคนอีกหลายๆคน หากเรา

โต้ตอบด้วยความเคียดแค้น ผลกรรมก็

ขยายวงกว้างขึ้นและมีผลกระทบออกไป

มากขึ้น แต่หากเราสามารถใช้ความเมตตา

และให้อภัยอย่างแท้จริงได้ สิ่งมหัศจรรย์

ก็จะเกิดขึ้นได้ อย่างน้อยก็ทำให้เรา

ปลดปล่อยจากความทุกข์เพราะ โมหะ

ความเคืองแค้น ชิงชัง อย่างนี้ใครที่เคย

คิดแค้นใครอย่างไม่สามารถให้อภัยได้ก็คง

ต้องใช้กรณีคุณอี้เป็นตัวอย่างครับ

10 Responses

  1. เห็นด้วยครับ แต่มันทำใจยากตอนเกิดเหตุ จะเอาอะไรไปชุดมันคงไม่อยู่แต่ที่สำคัญ หลังจากนั้นเราจะเริ่มมีสติแล้วอภัยได้ทำอย่างไร เราจะเริ่มฝึก เริ่มเรียนที่ไหน ที่มันสอนให้เราอภัย(หากใครมีช่วยบอกทีอยากไปครับ) แต่ในความคิดเห็นของผมเราน่าจะลองทำการให้อภัยกับเพื่อนร่วมงานที่ทำอะไรผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเช่นพูดไม่เพราะ สื่อสารไม่ดี ตามงานไม่ได้ดังใจ ฯลฯเราก็ลองหาเหตุผลว่าคนทุกคนคงไม่สมบูรณ์100% เขาคงไม่ตั้งใจทำให้พลาด แล้วให้อภัยดูผมว่ามันน่าจะมีพัฒนาการไปสู่การอภัยที่ยิ่งใหญ่นะครับ
    frank

  2. ผมว่ามนุษย์ทุกคนบนโลก มีจิตใจแห่งการให้อภัยด้วยกันทุกคนอยู่แล้ว ยิ่งเราเป็นชาวพุทธก็จะได้รับการอบรมสั่งสอนตามหลักของพระพุทธองค์อยู่เสมอๆ…..แต่ถ้าใครได้เจอเห็นการณ์แบบคุณอี้ แรกๆคงคุมตัวและสติไม่ได้แน่ๆ เรื่องบางเรื่องเกิดขึ้นกับตัวเราเองยังพอทำใจรับได้ แต่ถ้าเกิดกับคนที่เรารัก และเป็นห่วงที่สุด อย่างเหตุที่เกิดกับลูกชายคุณอี้ เป็นผมคงสติแตกแน่ๆ (แต่ผมยังไม่เคยมีลูกนะครับ..อิอิ) มันขึ้นอยู่กับว่า ใครเรียกสติกลับคืนมา คิด และปล่อยวางได้เร็วกว่ากันเท่านั้นเอง หากได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมว่าคนทุกคนคงชอบการให้อภัยมากกว่าการโกรธแค้น ชิงชัง อาฆาตพยาบาท มากกว่าเป็นแน่ครับ

  3. เป็นบทความความที่ดีและมีคุณค่ามากค่ะ 😀

  4. ดีใจที่ได้มาอ่าน… 😀

  5. การให้อภัย..ก็เป็นการทำบุญเหมือนกัน และการให้อภัยยังเป็นการทำบุญที่สูงส่งอีกด้วย “อภัยทาน..เป็นทานที่ประเสริฐสุด” ค่ะ ทุกวันนี้พยายามนึกถึงคำๆนี้อยู่เสมอๆ และก็รู้สึกมีความสุขใจในทุกๆครั้งที่ทำสำเร็จ…

  6. การให้อภัยเหมือนเป็นโซ่ข้อหนึ่งแห่งความดี ถ้าเริ่มข้อแรกด้วยการให้อภัย ข้อต่อๆไปก็จะเริ่มพัฒนาความดีไปเรื่อยๆจนครบทั้งห่วงโซ่นั้น ดังนั้นถ้ามีการเริ่มต้นแล้วก็จะมีการดำเนินต่อๆไปจนกว่าจะจบ แต่ความดีไม่มีวันจบสิ้น สามารถทำได้ตลอดจนกว่าจะจบชีวิต และถึงแม้ว่าชีวิตจะจบสิ้นไป แต่ความดียังอยู่ในความทรงจำตลอดไป…..

  7. การให้อภัยเป็นการบอกถึงระดับความยิ่งใหญ่ในจิตใจของผู้ให้ ยิ่งให้ ยิ่งเบา ยิ่งได้มาก และ ยิ่งมีความสุขและสงบกว่า

    ต้องหมั่นฝึกทุกวัน

  8. พี่อี้เป็นคนดี : )

  9. การให้อภัย เป็นสิ่งที่ประเสริฐ ถ้าเราฝึกที่จะปล่อยวางฝึกที่ จะให้อภัยและถ้าเราทำสำเร็จ
    ความรู้สึกที่เรียกว่าบุญ ก็คือความสุข ความสบายใจมันก็จะเกิดขึ้นกับเรานั่นเอง

  10. ใช่ค่ะ การที่คนเรามีจิตใจเมตตา รู้ใจให้อภัยผู้อื่นอยู่เสมอ นับเป็นสิ่งประเสริฐสุด

ใส่ความเห็น